ต่างชาติฮือฮา! “แพม” สุภกมล วรรธนะดิษฐ์ นักกีฬาศิลปะบังคับม้าไทยคนแรก! ที่ได้ลงชิงชัยในศึกกรังด์ปรีซ์ ครั้งแรก! สร้างเซอร์ไพรส์ จบอันดับ 5 ในการแข่งขันที่โปแลนด์ พร้อมตั้งเป้าเดินหน้าทำคะแนนสะสมต่อเนื่อง ลุ้นตั๋วลุยโอลิมปิกเกมส์ 2024“แพม” สุภกมล วรรธนะดิษฐ์ นักขี่ม้าสาวไทย ในประเภทศิลปะการบังคับม้า สร้างชื่ออีกครั้งด้วยการเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่ลงแข่งขันในศึกนานาชาติ รายการ ซีดีไอ 3 สตาร์ บิ๊กทัวร์ กรังด์ปรีซ์ (CDI 3* Bigtour GrandPrix) ท่ีประเทศโปแลนด์ พร้อมสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการคว้าอันดับ 5 ในคลาส กรังด์ปรีซ์ สเปเชียล โดยหลังจากนี้เจ้าตัวเตรียมเดินหน้าแข่งขันทำคะแนนต่อเนื่องเพื่อเป้าหมายในการควอลิฟายลุยศึกเวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2022 และโอลิมปิกเกมส์ 2024นักขี่ม้าสาวมือ 49 ของโลกสุงสุดในเอเซียในประเภทศิลปะการบังคับม้ารุ่น U25 GrandPrix ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นตั้งแต่ปลายปีที่แล้วในรุ่นอายุไม่เกิน 25 ปี โดยเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่ได้ลงแข่งขันในรายการ ยู-25 กรังด์ปรีซ์ พร้อมคว้าอันดับ 2 และอันดับ 3 ในศึก ซีดีไอ 3 สตาร์ ยู-25 กรังด์ปรีซ์ 2021 (CDI 3* U25 GrandPrix) ที่ประเทศฝรั่งเศส มาครองได้สำเร็จ และแข่งขันต่อเนื่องในต้นปี 2022 ได้ตำแหน่งที่ 8 ในการแข่งขัน CDI 3* U25 Le Mans ประเทศฝรั่งเศสในเดือนกุมภาพันธ์ และที่ 10 ในการแข่งขัน CDI 4* U25 Lier ประเทศเบลเยี่ยมในเดือนมีนาคม โดยเจ้าตัวได้เก็บตัวฝึกซ้อมที่ประเทศเนเธอร์แลนด์มาอย่างต่อเนื่องล่าสุด สุภกมล ยังได้จารึกชื่ออีกครั้งด้วยการเป็นนักขี่ม้าไทยคนแรกที่ได้ลงแข่งขันในระดับบิ๊กทัวร์ กรังด์ปรีซ์ รายการ ซีดีไอ 3 สตาร์ บิ๊กทัวร์ กรังด์ปรีซ์ (CDI 3* Bigtour GrandPrix) ท่ีประเทศโปแลนด์ ระหว่างวันที่ 9-11 เมษายน 65 ซึ่งเป็นคลาสที่สูงที่สุดและเป็นคลาสเดียวกับที่ใช้แข่งในเวิลด์เกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ ผลปรากฏว่า “แพม” สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการควบม้าคู่ใจ ดรีมโบท บีซีเอ็น (Dreamboat Bcn) โชว์ลีลาความสัมพันธ์และความเข้าขารู้ใจภายใต้ท่วงท่าที่สวยงามจนได้คะแนนจากกรรมการ 65.087 เปอร์เซ็นต์ รั้งอันดับที่ 10 ของรุ่นกรังด์ปรีซ์ในวันแรก ก่อนที่เจ้าตัวจะสร้างเซอร์ไพรส์คว้าอันดับ 5 ในการลงแข่งคลาส กรังด์ปรีซ์ สเปเชียล ด้วยคะแนน 63.170 เปอร์เซ็นต์ ในวันที่สองภายหลังจบการแข่งขัน นักขี่ม้าสาวไทยวัย 25 ปี เปิดเผยว่าผลงานที่ออกมาถือเป็นผลงานที่ตัวเองประทับใจ โดยหลังจากนี้จะยังคงมุ่งมั่นและลงแข่งขันทำคะแนนต่อเนื่องเพื่อลุ้นโควต้าเข้าชิงชัยในรายการเวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2022 ที่ประเทศเดนมาร์ก เดือนกันยายนนี้ รวมถึงโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส ด้วยเช่นกัน“แพมดีใจมากค่ะ ท่ีมีโอกาสได้มาแข่งสนามใหญ่ ๆ ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล เพราะแพมเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่ได้มาแข่งในคลาสนี้ และรู้สึกดีใจกับผลงานในครั้งนี้มาก ๆ เพราะแพมได้มาร่วมแข่งขันกับนักกีฬาเก่งๆระดับโลกหลายคนทำให้เรามีความพยายามที่จะทำโชว์ของเราออกมาให้ดีที่สุด ตอนแข่งรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย การทำโชว์ค่อนข้างยาก รายละเอียดของท่าค่อนข้างเยอะ แต่แพมกับม้าก็ทำออกมาได้ดีถึงแม้จะเป็นครั้งแรกที่เราลงแข่งรุ่นนี้ร่วมกัน เราฝึกซ้อมกันมาหลายเดือนและทุ่มเทกับการแข่งขันครั้งนี้มาก” “ภูมิใจที่เป็นนักกีฬาไทยคนแรกของศิลปะการบังคับม้าที่พาชื่อของประเทศไทยเข้ามาแข่งขันในระดับนี้ได้ ซึ่งรายการต่อไปจะไปแข่งที่ประเทศเยอรมนี และหลังจากนี้จะพยายามแข่งทำคะแนนจากหลายๆ สนาม เพื่อผ่านเข้าไปแข่งเวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ที่เดนมาร์กในเดือนกันยายนนี้” “ส่วนเป้าหมายเรื่องโอลิมปิกแน่นนอนว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดของนักกีฬาทุกคนรวมถึงแพมด้วย จึงตั้งใจที่จะทำคะแนนแต่ละสนามออกมาให้ดีที่สุดเพื่อควอลิฟายโอลิมปิก 2024 ที่ปารีสด้วย แพมขอขอบคุณทุกกำลังใจและแรงเขียร์จากพี่น้องคนไทย หนูจะพยายามให้ดีที่สุด ให้ต่างขาติยอมรับความสามารถคนไทยเราในกีฬานี้ และหวังว่าจะนำธงขาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาในการแข่งขันต่อๆไปค่ะ ” สุภกมล กล่าวสำหรับ “แพม” สุภกมล วรรธนะดิษฐ์ นักกีฬาขี่ม้าสาวไทย ดีกรีปริญญาโท Corporate Law ที่ Maastricht University ประเทศ Netherlands เกิดเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2540 เริ่มเล่นกีฬาขี่ม้าตั้งแต่อายุ 12 ปี โดยเริ่มลงแข่งขันตั้งแต่ปี 2012 พร้อมคว้ารางวัลมาแล้วหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น อันดับ 1 King’s cup and Thailand Championship (Advance) ปี 2015, อันดับ 1 President‘s cup (Advance) 2015, อันดับ 1 กีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 43 ปี 2015, อันดับ 1 World Dressage Challenge (Advance) 2014 รวมถึงเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ลงแข่งขันในรายการ CDI 3* U25 GrandPrix และคว้าอันดับ 2 มาแล้วเมื่อปี 2021 ปัจจุบันฝึกซ้อมที่ Academy Bartels ประเทศเนเธอร์แลนด์ กับ Imke Schellekens-Bartel นักกีฬาทีมชาติของเนเธอร์แลนด์ ดีกรีแชมป์เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ที่ผ่านการแข่งขันโอลิมปิกมา 2 สมัย ด้วยเช่นกันติดตามรายละเอียดได้ทาง IG: pammycudoเครดิตภาพ : Lukasz Kowalski
