วัดถ้ำเสือ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในไทย เป็นวัดที่มีองค์พระใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี
มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เดินทางมาที่นี่ เพื่อทำบุญสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองกาญจน์ พร้อมๆ กับการถ่ายรูป เก็บความประทับใจในมุมต่างๆในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ จะมีนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติมาเที่ยวที่วัดแบบไม่ขาดสาย แต่ในวันนี้ไม่ใช่วันหยุดหรือนักขัตฤกษ์ใดๆ ปริมาณนักท่องเที่ยวก็ยังถือว่าเยอะมากๆ
การขึ้นไปบนเขาที่ประดิษฐานของหลวงพ่อชินประทานพร และพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท มีสองทางคือเดินขึ้นบันไดนาค จำนวน 157 ขั้น แต่สำหรับใครที่เหนื่อยง่าย ก็สามารถขึ้นรถรางทางด้านซ้ายมือของบันไดนาค จุดนี้มีค่าบริการขึ้นรถรางเพียง 10 บาทเท่านั้น เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนบริเวณวัด ซ้ายมือของรถราง จะเป็นพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท
บริเวณลานทางเข้า มีจำหน่ายเครื่องดื่ม น้ำ ขนม และของที่ระลึกเช่น เครื่องรางต่างๆ ถัดมาจะเป็นองค์พระใหญ่ ตรงข้ามองค์พระคือจุดที่มีดอกไม้ ธูป เทียน และกล่องทำบุญตามศรัทธา ซึ่งที่นี่ดอกไม้จะเป็นดอกดาหลา ต่างจากที่อื่นที่เป็นดอกบัว
วัดถ้ำเสือ
วัดถ้ำเสือ ก่อตั้งในปี พ.ศ.2514 โดยพระครูสิทธิวิมล ภายในวัดมี
พระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่บนเนินเขา พร้อมพระอุโบสถอัฏฐมุขทรงไทย ประดับลวดลายสวยงาม และเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาทสูง 69 เมตร กว้าง 29 เมตร โดยจากเนินเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ของทะเลสาบและเขื่อนวชิราลงกรณ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงยกช่อฟ้าเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2526 การขึ้นเนินเขา นอกจากมีบันไดแล้ว ยังมีรถรางไฟฟ้าบริการ
วัดถ้ำเสือ เปิดให้นักท่องเที่ยว และ ประชาชน เยี่ยมชมและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกวัน (วันจันทร์-วันศุกร์ ระหว่างเวลา 07.30 – 16.30 น.)
(วันเสาร์-วันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 07.00 – 17.30 น.) ค่าบริการรถรางไฟฟ้า ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 20 บาท สามารถสอบถามรายละ
วัดถ้ำเสือมีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรมองค์พระใหญ่ หลวงพ่อชินประทานพร ที่เห็นโดดเด่น ตั้งแต่ถนนทางเข้าแล้ว ยังมีมุมถ่ายรูปอีกมุมหนึ่งที่เป็นมุมสูง จากชั้นบนของพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท ซึ่งเป็นที่สักการะพระบรมสารีริกธาตุ ที่อยู่ชั้นบนสุด ซึ่งต้องเดินขึ้นบันไดวนหลายชั้น แต่ละชั้น บ้างก็มีพระพุทธรูปประดิษฐาน และมีจิตกรรมฝาผนัง เป็นพุทธประวัติ รวมถึงภาพวาดพระมหากษัตริย์ของไทย ทุกชั้นจะมีหน้าต่างทำให้มองเห็นวิวเมืองกาญจน์และแม่น้ำแม่กลองได้รอบทิศ เราเดินขึ้นจนเกือบถึงชั้นบนสุด จะมีช่องหน้าต่างให้ชมวิวได้ พอมองลงมาจะมีมุมที่เห็นองค์พระใหญ่ ด้านซ้ายขององค์พระเป็นวิหาร ส่วนด้านขวาเป็นพระอุโบสถอัฏมุข ฉากหลังเป็นทุ่งนาเขียวขจีให้ความรู้สึกสดชื่นมากเพราะต้องเดินขึ้นมาถึงชั้นเกือบบนสุด เมื่อมาเจอลมที่เข้ามาประทะหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ เราจึงขอหยุดต่ออีกหน่อย ก่อนขึ้นชั้นถัดไป
ชั้นถัดไปคือชั้นบนสุดของพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท เราได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย ถึงเวลาลงมาแล้วเราก็เดินลงด้วยขา ที่ยังสั่นๆ 555 เราไปซื้อดอกดาหลา ธูป เทียน มาสักการะหลวงพ่อชินประทานพร ถัดมาเราเดินไปทางขวามือขององค์พระ เข้าพระอุโบสถอัฏมุข จะมีฆ้องใหญ่ หากเราใช้ 2 มือวนฆ้องแล้วเสียงดัง ตามความเชื่อจะได้โชคลาภ ในอุโบสถ์สามารถทำบุญถวายสังฆทานได้
ออกจากอุโบสถบริเวณด้านล่างมีถ้ำเสือ เป็นถ้ำขนาดเล็กอยู่บริเวณเชิงเขาด้านล่าง ภายในถ้ำประดิษฐานพระประจำวันเกิดและจำหน่ายวัตถุมงคล
ก่อนกลับเราแวะขับรถเข้าวัดถ้ำเขาน้อย ที่อยู่ข้างๆ วัดถ้ำเสือ เป็นวัดที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน เราทำได้แค่แวะเพื่อถ่ายรูปด้านหน้าของวัดเท่านั้น เนื่องจากเวลาน้อยน่าเสียดายมากที่เราไม่ได้เข้าไปด้านในของวัดเพราะเราเพิ่งรู้ตอนมาถึง วัดถ้ำเสือว่าคืออีกวัดที่อยู่ข้างกัน
วัดถ้ำเสือเป็นวัดที่อยากแนะนำให้มา เพราะไม่ได้ที่แค่ความสวยงามของสถาปัตยกรรมองค์พระใหญ่ หลวงพ่อชินประทานพร พระเจดีย์เกศแก้วปราสาท แต่ยังได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุที่ถูกอัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย และที่ได้มากกว่าการเป็นวัดคือเปรียบเสมือนจุดแลนด์มาร์กที่สำคัญของจังหวัดกาญจนบุรีและจุดชมวิวมุมสูงเหนือแม่น้ำแม่กลองอีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด
จันทร์-ศุกร์ 8.30-16.30 น.
เสาร์-อาทิตย์ 8.00-16.30 น.
พิกัด : ม่วงชุม, ท่าม่วง, กาญจนบุรี