ส่ำเส้ง 三牲

ส่ำเส้ง 三牲

คำว่า ส่ำเส้ง มีต้นตอที่มาจากสามสัตว์มงคลที่เป็นต้นตอของเรื่อง ก็คือ สัญลักษณ์แทนผองสัตว์ทั่วโลก

คนจีนยึดการผสานสมดุล ฟ้า ดิน คน ก็เลยมีสัญลักษณ์แทน ฟ้า ดิน คน อันได้แก่ สัตว์ที่อยู่บนฟ้า อยู่บนดิน และเลื้อยคลาน หรือ อยู่ใต้ดิน  ก็คือ สัตว์ปีก สัตว์สี่เท้ามีกีบ และสัตว์มีเกล็ดกระดอง เพราะฉะนั้น    

ส่ำเส้งจริงๆ ถ้ายึดตามความหมาย ก็คือ การไหว้ด้วยสัตว์ปีกหนึ่งอย่าง สัตว์มีเกล็ดเป็นงู เป็นปลา หนึ่งอย่าง และสัตว์มีกีบเท้า เช่น หมู แพะ วัว อีกหนึ่งอย่าง รวมเป็นสามอย่าง เรียก ส่ำเส้ง สามสัตว์มีชีวิต  

โดยคนจีนถือว่า  เจ้าแห่งสัตว์ปีกคือ หงส์ เจ้าแห่งสัตว์เดินเท้ามีกีบ คือ กิเลน  และเจ้าแห่งสัตว์มีเกล็ดมีกระดองหุ้ม คือ มังกร 

ข้อพิสูจน์นี้ก็มีกล่าวไว้ในเรื่อง ไซอิ๋ว บทนึงว่า 西游记 “万物有走兽飞禽,走兽以麒麟为之长,飞禽以凤凰为之长。แปลว่า สรรพสัตว์ทั้งปวงในโลก แบ่งใหญ่ได้เป็นสัตว์เดินเท้า-สัตว์มีกีบ กับสัตว์บิน  สัตว์เดินเท้า-สัตว์มีกีบ มีกิเลนเป็นใหญ่  และสัตว์บิน – สัตว์ปีก มีหงส์ เป็นใหญ่  นี่ต่างหาก คือความหมายเดิมๆ แท้ๆ ของคำว่า ส่ำเส้ง  และด้วยการอยากหาสิ่งดีๆ มาตอบแทนเซ่นไหว้เทพเจ้า  คนเราก็เลยยึดเอาว่า  ต้องถวายเนื้อสัตว์สามอย่าง  ไม่ใช่ ห้าอย่าง หรือ สิบอย่าง  หากแต่ว่าคนหน้าไหนจะสามารถไปล่าเอา หงส์ กิเลน และมังกร เอามาได้เล่า  ก็เลยมีความคิดแบบคนอีกหละ คือ หาสัญลักษณ์แทนแล้วกัน หาแบบเต็มไม่ได้ก็เอาอย่างย่อ คือ เอาตัวแทนเอา  คล้ายๆ กัน ที่ต่อมา จะฆ่าสัตว์ทั้งตัวก็มากไป ก็เลยเอาแค่หัว  เสร็จก็ย่อลงมาอีก เพราะชุมชนมันเริ่มเล็กลงๆ จากเมื่อก่อนในหมู่บ้านรู้จักกัน สมัยใหม่นี่ ข้างบ้านยังไม่รู้จักเลย ก็เลยลดเหลือเป็นชิ้นๆ อนาคตก็คงไหว้แบบแช่แข็งมั้ง

ดั้งเดิมจริงๆ ส่ำเส้ง เขาใช้  ม้า  วัว และแพะ ในการเซ่นไหว้ เรื่องนี้มีต้นตอบันทึกเอาไว้ในสมัยราชวงศ์ฮั่น  ว่าในยุคสมัยตงโจว หลายพันปีที่แล้ว  ใช้เซ่นไหว้ในเทศกาลฉลองไหว้ ไป๋ตี้-กษัตริย์ขาว (白帝) หนึ่งในห้ามหากษัตริย์ของจีน หรือ อู่ตี้ (五帝)  ปรากฎหลักฐานในบันทึกหลายเล่ม เช่น สื่อจี้ (史记-บันทึกประวัติศาสตร์) ของท่านซือหม่าเชียน (司马迁) เรียบเรียง  และฮั่นซู (汉书-บันทึกราชวงศ์ฮั่น) ตามที่ท่าน ปันกู้ (班固) เรียบเรียงไว้

แล้วในสมัยนี้ที่เห็นศาลเจ้าของลัทธิเต๋าในจีน ไหว้ วัว แพะ หมู มาจากไหน  ทำไมไม่ใช้ม้า เท่าที่พอหาได้ และจากความเห็นส่วนตัว  เขาไม่ใช้ม้าเปลี่ยนมาเป็นหมูแทน เพราะว่า ระดับสามัญชนที่ไม่ใช่ขุนนางแม่ทัพ ไหนเลยจะสามารถมีม้าได้ เนื่องจากม้าต้องถูกสงวนเอาไว้ทำศึก  เอะอะให้ประกอบพิธีฆ่าม้ามาเซ่นไหว้ คงกลัวจะมีม้าไม่พอขี่ตอนสงคราม  แต่อีกนัยหนึ่งก็ต้องบอกว่า มีที่มาจากสัตว์ที่สามารถเลี้ยงในบ้านได้ง่าย คือ เลี้ยงแพะ เลี้ยงวัว เลี้ยงหมูได้ ก็เลยเอาสัตว์เลี้ยงนี้หละมาเซ่นไหว้  จนมีในบันทึกตำราโบราณจีน 清史稿 ยกเอาไว้เป็น ไท่เหลา太牢 ไท่ ก็คือ พิเศษๆ ดีงาม เหลา คือ สัตว์ในคอก  ก็คือ สัตว์เลี้ยงชั้นดี  พอมีคำว่า ชั้นดี มันก็เลยตามมาด้วยคำว่า เหมาะแก่การเอาให้คนที่เคารพ หรือก็คือ เอามาเซ่นไหว้ ซึ่งความเชื่อเหล่านี้เพิ่งมีอย่างแพร่หลายในสมัยราชวงศ์ชิง (ราชวงศ์สุดท้ายของจีน) นี่เอง

พอมาสมัยจีนในปัจจุบัน เกิดมีความคิดแตกแขนงมาอีกว่า ส่ำเส้ง สามารถแบ่งเป็น ใหญ่ และ เล็ก โดยที่ ส่ำเส้งแบบชุดใหญ่ จัดเต็ม大三牲 ก็ประกอบด้วย หมู แพะ วัว ตามความเชื่อเดิม  ส่วนส่ำเส้งแบบพอเพียง ชุดเล็ก小三牲 ได้แก่ ไก่ เป็ด และปลา  และต่อมาก็มีการปรับประยุกต์ว่า ส่ำเส้งนั่น มีไก่ มีปลา มีหมู ก็เป็นส่ำเส้งได้

สาเหตุของการเปลี่ยนแปลง คือ หนึ่ง วัฒนธรรม หรือ ธรรมเนียม สามารถมีการปรับประยุกต์เปลี่ยนแปลงได้  การอนุรักษ์วัฒนธรรมจึงไม่ใช่การทำตามแบบเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เป็นการพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัย โดยที่ไม่ลืมหัวใจ หรือ จุดมุ่งหมายเดิมของธรรมเนียมนั้น 

ทีนี้พอมาย้อนดูเรื่อง ส่ำเส้ง ขุดคุ้ยลงไปแล้วแทบไม่มีตำนานอะไรเลยที่จะบังคับว่า ต้องเซ่นไหว้เทพเจ้าด้วยเนื้อนะ เทพเจ้าจะชอบ จะโปรดมาก ไม่มีเลย มีแต่คนเรานี่หละ คิดกันเอา แต่งกันเอาเอง หากันเอาเข้าไป  นั้นถ้าเกิดเราจะมาไหว้แบบเจ ไม่ใช้เนื้อสัตว์ไหว้ มันจะแปลกอะไรเล่า ถูกไหม  ลามปามไปถึงการเอาของไปถวายพระ เราก็เอาของเจ หรือ มังสวิรัตไปถวาย อย่างน้อยก็ไม่เสี่ยงต่อการละเมิดศีลข้อหนึ่ง ปาณาติปาตา อันได้แก่  1.สัตว์มีชีวิต 2.รู้อยู่ว่าสัตว์มีชีวิต 3.จิตคิดจะฆ่า 4.พยายามที่จะฆ่า 5.สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น  คือ ถ้าถวายแบบเจ ไหว้แบบเจ ตัดไปได้หมดทุกข้อเลยว่า ของที่ถวายบริสุทธิ์แน่ๆ ไม่มีแปดเปื้อน  แต่ถ้าถวายแบบเนื้อสัตว์  อย่างน้อยก็แปดเปื้อนไปข้อสองข้อไม่มากก็น้อย เพราะคุณก็รู้นี่ว่าเค้าฆ่ามาขาย

สอง ก็คือ การบริโภคของคน นั้นหละ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่อง ส่ำเส้ง คือ จากเดิมที่เป็น แพะ ม้า วัว ก็มาเป็น แพะ ม้า หมู และก็เปลี่ยนมาเป็น หมู ไก่ ปลา  นี่หายไปตั้ง 2 อย่าง ใน 3 อย่างของส่ำเส้งโบราณเลยนะ คือ แพะ กับ วัว หายไป มีปลา กับ ไก่มาแทนที่  ด้วยความที่หาซื้อหาง่าย มันหาซื้อง่ายเพราะอะไรก็เพราะคนกินเยอะ กินเยอะก็เลี้ยงเยอะ เอามาฆ่าเยอะ  เพราะฉะนั้นถ้าเราลดการบริโภคพวกนี้ลง ต่อไปคนก็จะปลูกผักมาขายเยอะ เนื้อสัตว์ที่ต้องนำมาฆ่าก็ลดลงไป

ขอเพิ่มเติมที่เรียกว่า หง่อเส้ง ก็มาจากเนื้อสัตว์ห้าอย่าง หง่อ คือ ห้า ครับ  มีความคิดมาจากเรื่อง ห้าธาตุ ตามวิชาจีนพื้นฐาน ดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ หรือ บางคนก็บอกว่า มีความเชื่อมาจาก ห้าโชค หรือ อู่ฝู โหงวฮก เพราะฉะนั้นอันที่เพิ่มขึ้นมาจาก ส่ำเส้ง อีกสองอย่าง ก็คือ เครื่องใน (ตับ) กับ เป็ด หรือ ปู กุ้ง ฯลฯ

มังกรโพ้นทะเล

Share