พาเที่ยววัดภูเก็ต จังหวัดน่าน

พาเที่ยววัดภูเก็ต จังหวัดน่าน

อยากเห็นทิวเขาดอยภูคาแบบเต็มๆต้องมาลานชมวิวของวัดภูเก็ต ควรมาช่วงปลายฝนต้นหนาวไม่เกินกลางเดือนตุลาคม เพราะนาข้าวจะออกรวงเป็นสีทองสวยที่สุด ส่วนในช่วงหน้าหนาวทุ่งนาที่นี่จะถูกเปลี่ยนเป็นทุ่งข้าวโพดแทนนะครับ ดังนั้นต้องเลือกว่าอยากจะมาดูนาข้าวหรือมาสัมผัสอากาศเย็น ถ้าอยากมาสัมผัสอากาศเย็นก็ต้องไปช่วงฤดูหนาวนี่แหละ
วัดภูเก็ต จะสวยที่สุดในช่วงตอนเช้า ในช่วงปลายฝนต้นหนาวมีโอกาสเจอหมอกบาง ๆได้ สวยรองลงมาคือตอนเย็น แต่ไม่ว่าจะมาตอนไหน ควรไปช่วงที่มีทุ่งนาด้วยนะครับ แนะนำเดือนกันยายน – กลางตุลาคม จะสวยที่สุด
เมื่อแวะมาวัดภูเก็ตแล้วอย่าลืมไปชมผ้าทอลายซินน้ำไหลของชาวไทลือ หรือชิมกาแฟที่ร้าน”ฮักนากาแฟ” นะครับ ในร้านกาแฟมีมุมถ่ายรูปเพียบ สายถ่าย portrait ไม่ควรพลาด

  1. วัดภูเก็ต น่าน : ความเด็ดอยู่ที่ทุ่งนา
    ผมยกให้ “วัดภูเก็ต” เป็นหนึ่งใน Highlight ที่ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อมาถึง “เมืองปัว” แล้วไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง จุดเด่นของวัดนี้คือมีลานชมวิวที่สามารถมองได้กว้างถึง 180 องศา ทำให้เห็นวิวทุ่งนาแล้วมีเทือกเขาดอยภูคาเป็นฉากหลังทอดตัวยาวจากเหนือไปใต้ได้อย่างสุดตระการตา ดังนั้นใครที่มาปัวแล้วอยากเห็นวิวภูเขาสุดอลังการพร้อมกับทุ่งนาสวย ๆ ”วัดภูเก็ต” ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ แม้ว่าวัดจะชื่อ “ภูเก็ต” แต่วัดไม่ได้อยู่จังหวัดภูเก็ตนะครับ ส่วนทำไมชื่อ ”วัดภูเก็ต” ก็เพราะว่าแถบทางภาคเหนือที่ติดทางชายแดนลาวมักจะเรียกภูเขา ว่า “ภู” เช่น ภูคา ภูชี้ฟ้า ภูลังกา หรืออะไรก็ตาม ซึ่งวัดนี้ก็ตั้งอยู่บนเนินเขา และอยู่ในหมู่บ้านเก็ต ก็เลยเรียกว่า “วัดภูเก็ต” นั่นเอง

วัดภูเก็ต บนลานชมวิวบนในตอนเช้า ช่วงปลายฝนต้นหนาว
“วัดภูเก็ต” ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเก็ต อำเภอปัว จ.น่าน ซึ่งจริง ๆแล้วหมู่บ้านเก็ต เป็นหมู่บ้านชาวไทลื้อที่อพยพมาจากเมืองสิบสองปันนา เมื่อประมาณ 200 กว่าปีที่แล้ว วัดภูเก็ตจึงมีสถาปัตยกรรมล้านนาร่วมสมัยและมีวัฒนธรรมประเพณีของชาวไทลื้อผสมผสานอยู่ด้วย แน่นอนว่า signature ของหมู่บ้านแห่งนี้ก็คือผ้าทอไทลื้อ หรือผ้าซิ่นลายน้ำไหลนั่นเอง ผมมีโอกาสได้ถามชาวบ้านที่นี่ว่าโดยปกติแล้วผ้าทอพวกนี้นำไปขายที่ไหน? ชาวบ้านบอกว่าผ้าทอที่นี่โดยส่วนใหญ่ส่งออกไปขายประเทศญี่ปุ่น นับเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่น่าชื่นชมมาก ๆเพราะสามารถนำหัตถกรรมพื้นบ้านมาหารายได้เข้าชุมชนและประเทศได้ ถ้าใครมาวัดภูเก็ตแล้วก็อย่าลืมแวะมาดูมาซื้อผ้าซินกันได้นะครับ
อุโบสถวัดภูเก็ต สีทองสวยงามสะท้อนแสงเช้า ทำให้ดูเป็นสีทองยิ่งขึ้น

  1. เมื่อมาวัดภูเก็ตแล้ว สิ่งที่ห้ามพลาดคือเก็บแสงเช้ากับหมอกบาง ๆ
    หลายคนมักจะมาเที่ยวัดภูเก็ตกันในช่วงกลางวัน แล้วชมวิวนิดหน่อย ๆก็กลับ แต่ในความเป็นจริงแล้ววัดภูเก็ตจะสวยสุดในตอนเช้านะครับ เพราะว่าเราจะเห็นวิวทุ่งนากับหมอกบาง ๆ หรือถ้าโชคดีก็อาจได้หมอกหนา ๆปกคลุมตามเชิงเขา(แต่ตอนผมไปลมหนาวรอบแรกดันลงมาพอดี พัดหมอกกระจุยกระจายหมด) แนะนำถ้าคืนไหนนอนในเมืองปัว เช้าวันต่อมาให้ไปเก็บแสงเช้าที่วัดภูเก็ตได้เลย รับรองสวยประทับใจแน่นอน แต่ถ้าเอาให้สุดควรไปช่วงที่มีนาข้าวด้วยนะครับ ส่วนใครที่มาช่วงนาข้าวเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว(หน้าหนาว) แนะนำให้ไปเก็บพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดดอยภูคา 1715 จะดีกว่าครับ

สำหรับใครที่เก็บแสงเช้าบนลานชมวิวจนหนำใจแล้ว แนะนำให้ลงมาเก็บภาพด้านล่างตรงบริเวณทุ่งนาเลยครับ มีมุมสวย ๆเพียบ ตรงข้างล่างนี้เราจะได้ใกล้ชิดกับทุ่งนามากที่สุด แต่ต้องเดินระมัดระวังหน่อยนะครับ เพราะพลาดตกลงไปในนาอาจมีเปียกครึ่งหน้าแข้งได้ จริง ๆแล้วบริเวณนี้ในช่วงกลางวันจะเป็นร้าน “ฮักนากาแฟ” ขอบอกเลยว่าชาเขียวมะนาวที่นี่อร่อยมาก และภายในร้านมีโซนให้ถ่ายรูปเยอะมาก ค่อนข้างเอาใจสายถ่าย portrait มาก ๆ ใครอยากได้รูปโปรไฟล์สวย ๆฉากหลังเป็นทุ่งนา ก็ต้องลงมาที่ร้าน”ฮักนากาแฟ” นี่แหละครับ

วัดภูเก็ต ทุ่งนาเขียว มีดอยภูคาเป็นฉากหลัง ช่วงปลายฝนต้นหนาว
ที่พัก วัดภูเก็ต
มุมมองไปยังที่พักของวัดภูเก็ต

  1. เก็บแสงเย็นที่วัดภูเก็ต ก็เด็ดไม่แพ้กัน
    อันที่จริงแล้วแสงเย็นที่นี่ก็มีความสวยงามไม่แพ้ตอนเช้า จะต่างกันเพียงแค่ตอนเย็นไม่มีหมอกบาง ๆ และไม่เห็นแสงพระอาทิตย์ตรง ๆเท่านั้น จุดเด่นของแสงเย็นที่นี่คือเราจะได้เห็นแสงพระอาทิตย์ส่องไปยังทุ่งนาให้เป็นสีทองอร่าม และจะสวยงามเป็นพิเศษหากมาช่วงนาข้าวกำลังออกรวง(ปลายกันยายน-กลางตุลาคม) ดังนั้นใครที่พลาดเก็บแสงเช้าที่วัดภูเก็ต ก็สามารถมาแก้ตัวเก็บแสงเย็นกันได้นะครับ จริง ๆแล้วที่ผมเขียนช่วงเช้ากับช่วงเย็นที่วัดภูเก็ต ก็เพราะว่าคนไม่ค่อยนิยมกันมาช่วงนี้ ทั้งที่จริงมันมีสวยงามมากที่สุด ผมไม่อยากให้ใครหลายคนพลาดสิ่งสวย ๆงาม ๆ แม้ว่าหลายคนจะขี้เกียจตื่นมาดูตอนเช้าก็ตาม แต่มันก็สามารถมาดูตอนเย็นได้เหมือนกัน ซึ่งผมรับประกันเลยว่ามันสวยกว่าตอนกลางวันแน่นอนครับ
  2. วัดภูเก็ต น่าน ไปช่วงไหนดี มีนาข้าวสวย ๆ
    แม้ว่าวัดภูเก็ตจะมีวิว Landscape ที่สวยงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ถ้าไปผิดฤดูกาลความสวยงามอาจจะลดลงไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว มีหลายคนไปแล้วถึงกับต้องอุทานว่า “นาข้าวกรูอยู่ไหน!!! ไม่เห็นมีนาข้าวเหมือนภาพในเน็ตเลย” ดังนั้นผมจะมาแฮกไขความลับเลยว่า ไปช่วงไหนถึงได้นาข้าวสวย ๆ แล้วมาช่วงฤดูนี้จะได้บรรยากาศแบบไหน ผมขอแบ่งตามนี้เลย

วัดภูเก็ต หน้าฝน (มิถุนายน-กลางตุลาคม) เป็นช่วงที่เหมาะกับการมาเที่ยววัดภูเก็ตมากที่สุด แต่ว่าจะต้องเลือกมาหน่อยนะครับ เพราะที่นี่จะเริ่มปลูกข้าวประมาณกลางเดือน มิ.ย. ซึ่งนาข้าวจะยังไม่เขียว ส่วนใหญ่จะท้องน้ำมากกว่าทุ่งนา ถ้าจะมาให้เห็นทุ่งนาเขียว ๆต้องมาช่วงปลายเดือน ก.ค. – กลาง ก.ย. หลังจากนั้นนาข้าวจะเริ่มออกรวงเป็นสีทองจนถึงเดือนต้นตุลาคม และจะเริ่มเก็บเกี่ยวประมาณกลางเดือนตุลาคม ส่วนใครมาแล้วพลาดทุ่งนาสวย ๆ แนะนำให้ขับรถเลยมาทางอำเภอเชียงกลาง เพราะนาข้าวแถบนี้จะเก็บเกี่ยวช้ากว่าแถบปัวประมาณ 2 สัปดาห์หรือราว ๆ กลางพฤศจิกายน

วัดภูเก็ต หน้าหนาว (กลางตุลาคม-กุมภาพันธ์) ช่วงนี้คงเป็นช่วงที่คนไปเที่ยวมากสุด แต่ผมว่ามันสวยไม่ค่อยสุดเท่าไหร่ เพราะไร่นาจะปลูกเป็นข้าวโพดแทน(พืชที่ใช้น้ำน้อย) แต่ท้องฟ้าส่วนใหญ่จะแจ่มใสสีฟ้าได้อารมณ์แบบฤดูหนาว หมอกเมฆล้อภูเขาอันนี้แล้วแต่ดวงเลย ถ้าเช้าๆก็พอมี แต่ถ้าเกิน 8 โมง ก็ยากมากที่จะเจอ เพราะว่าฤดูนี้ช่วงกลางวันอากาศจะแห้ง ยิ่งใครมาช่วงกลางเดือนมกราคมเป็นต้นไป แทบไม่ต้องหวังเจอหมอกเลย โอกาสน้อยมาก

วัดภูเก็ต หน้าร้อน (มีนาคม-พฤษภาคม) ช่วงนี้ผมว่าไม่มีอะไรเลย ทุ่งข้าวโพดก็หาย หมอกแดดลง อากาศแห้ง ใครมาช่วงนี้แล้วจะมาเอาภาพสวยๆบอกเลยว่ายาก แต่ถ้ามาเพื่อเที่ยวมาพักผ่อนแบบคนเงียบๆ ไม่ซีเรียสเรื่องสภาพอากาศมาได้ครับ แต่ว่าในเดือนมีนาคมผมไม่รับประกันเรื่องหมอกควันนะ ถ้าจะมาพักร้อนจริง ๆแนะนำให้มาช่วงเดือนเมษายนไปเลย แต่ช่วงกลางวันก็จะร้อนโคตร ๆ เลยนะฮ่า ๆ
วัดภูเก็ต น่าน หน้าร้อน เดือนมีนาคม
วัดภูเก็ต ช่วงหน้าร้อน เดือนมีนาคม จะเห็นเลยว่าสภาพอากาศค่อนข้างแล้ง และมีหมอกแดดปกคลุมสูง
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า “วัดภูเก็ต” จะมีทุ่งนาสวยสุด ในช่วงเดือนกันยายน – กลางตุลาคม เพราะเป็นช่วงที่ทุ่งนาเติบโตเต็มที่ เป็นสีเขียวสวยงาม ใครจะไปเที่ยววัดภูเก็ต อ.ปัว ผมแนะนำช่วงนี้เลย

5.วัดภูเก็ตต่างจากวัดศรีมงคลมั้ย แล้วควรไปที่ไหนดี
วัดภูเก็ตกับวัดศรีมงคลเหมือนหรือต่างกันอย่างไร? จริง ๆแล้วก็คล้ายๆกันนั่นแหละ แต่วัดศรีมงคลภายในวัดจะมีมุมถ่ายรูป Portrait เยอะกว่า และจะมองเห็นดอยภูเขาส่วนที่เป็นยอดสูงกว่า แต่วัดภูเก็ตจะเห็นแนวทิวเขาเยอะกว่า แนะนำถ้ามีเวลาให้ลองไปทั้ง 2 ที่ Landscape อาจจะคล้ายๆกัน แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว สำหรับใครที่มาวัดภูเก็ตแนะนำให้ไปจอดรถบนลานจอดข้างบน ถึงแม้ว่าทางขึ้นไปลานจอดข้างบนจะแคบ แต่ด้านบนลานจอดกว้างนะครับ แล้วจะได้ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดให้เหนื่อยด้วย ตรงลานจอดรถสามารถเดินมาที่วัดภูเก็ตได้สบายๆ “วัดภูเก็ต” อยู่ในอำเภอปัวอยู่ห่างจากเมืองน่านประมาณ 65 กิโลเมตร และห่างจากวัดศรีมงคล 13 กิโลเมตร ส่วนใครอยากรู้ว่า“วัดศรีมงคล”ต่างกับวัดถูเก็ต ตามไปที่วัดศรีมงคลได้เลย

ทางขึ้นมาลานจอดรถของวัดภูเก็ต

Share