สินค้าแนะนำ

พาเที่ยว ภูเขียว ส่องสัตว์         สัมผัสธรรมชาติ

พาเที่ยว ภูเขียว ส่องสัตว์ สัมผัสธรรมชาติ

ใครเคยเที่ยวป่ายกมือขึ้น” แน่นอนว่ามีจำนวนไม่น้อยที่ชอบเที่ยวป่า กางเต็นท์ แคมปิ้ง หลายคนชอบเดินป่าพิชิตยอดเขาสูงสุด ประทับรอยเท้าว่าเราได้มาถึงแล้ว ผมเองก็เคยคิดว่าการเที่ยวป่าคือการพิชิตธรรมชาติ จนวันนึงจึงได้รู้ว่า ป่า ไม่ได้มีไว้ให้เราพิชิตเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ว่ากันว่า หากต้องการเข้าใจธรรมชาติ วิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือพาเอาตัวเองไปให้ธรรมชาติโอบล้อมเรา วันนี้ นายรอบรู้ จึงเดินทางเข้าสู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เพื่อให้ต้นไม้ สายหมอก และสัตว์ป่า บอกเรื่องราวของสรรพชีวิต และความสำคัญของการมีอยู่ของพวกเขาบนโลกใบนี้

จากโครงการพระราชดำริสวนสัตว์ธรรมชาติภูเขียว ทำให้ผืนป่าแห่งนี้ถูกดูแลและพัฒนาให้เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่านาๆ ชนิด มีโครงการเพาะพันธุ์สัตว์และปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ มีการสร้างแหล่งน้ำเลียนแบบแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อให้สัตว์ใช้ประโยชน์ในฤดูแล้ง นอกจากนี้ยังเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อศึกษาและเข้าใจธรรมชาติ

ที่นี่จึงเหมาะจะมาค้นหาความหมายของผืนป่า มาเรียนรู้เพื่อเข้าใจการมีอยู่ของธรรมชาติ นายรอบรู้ จึงขออาสานำเที่ยวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวกันครับ

ชมทุ่งกะมัง สวรรค์ของสัตว์ป่า
ทุ่งกะมัง ชื่อนี้ได้มาเพราะทุ่งหญ้ากว้างใหญ่แห่งนี้มีลักษณะคล้าย กะละมังคว่ำ ที่ตั้งอยู่กลางผืนป่าภูเขียว ซึ่งเป็นแหล่งหากินของสัตว์ป่านาๆ ชนิด เช่น เนื้อทราย หรือกวางสายพันธุ์หนึ่งที่เคยเกือบสูญพันธุ์จากป่าเมืองไทย แต่ได้โครงการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เพาะเลี้ยงเนื้อทรายแล้วปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ ทำให้วันนี้มีเนื้อทรายกว่าร้อยตัว โลดแล่นใช้ชีวิตอย่างอิสระในทุ่งกะมัง นอกจากนี้ยังมี กวางป่า หมาไน หมาจิ้งจอก กระจง ลิงวอก ชะนี ค่างแว่นถิ่นเหนือ ฯลฯ ใช้พื้นที่ของทุ่งกะมัง และป่าโดยรอบในการดำรงชีพ

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาชมความงามคือช่วงเช้าตรู่ก่อนแสงแรกมาทักทาย คุณอาจเห็นเนื้อทรายหลายสิบตัวเดินนวยนาดเต็มทุ่ง เห็นนกมากมายบินออกจากรังหรือร้องเสียงเจื้อยแจ้วราวกับอยู่ในตลาดสด หรือได้ยินเสียงร้อง ผั๊ว..ผั๊วว ของชะนีดังก้องป่า

ดูนกที่บ่อน้ำมหัศจรรย์
ผมได้ยืนชื่อภูเขียวครั้งแรก จากการเห็นภาพถ่ายนกหายาก โดยช่างภาพสารคดีท่านหนึ่ง ที่ถ่ายได้ ณ บ่อน้ำมหัศจรรย์แห่งนี้

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวเป็นต้นแบบในการจัดการแหล่งน้ำให้กับสัตว์ก็ว่าได้ ที่นี่มีแหล่งน้ำมากมาย ทั้งฝายเก็บน้ำ แหล่งน้ำธรรมชาติที่กระจายอยู่กลางป่า และยังมีบ่อน้ำนก หรือ บ่อน้ำมหัศจรรย์ ซึ่งสร้างเลียนแบบบ่อน้ำธรรมชาติเพื่อให้นกลงมากินน้ำ เล่นน้ำ ยามน้ำแล้ง ที่สำคัญยังเป็นจุดนั่งชมนกนาๆ ชนิด กระโดดโลดเต้นโดยที่เราไม่รบกวนนกอีกด้วย

หากนั่งเงียบๆ อาจจะโชคดีได้พบกับนกหลากชนิด เช่น นกปรอด นกเขนบ้าน นกเขนน้อยไซบีเรีย นกจับแมลง นกระวังไพร ไก่ป่า ฯลฯ ต่างผลัดเปลี่ยนกันมาใช้บ่อน้ำ บ้างดื่มน้ำ บ้างอาบน้ำ บางตัวถึงกับยึดพื้นที่ลงเล่นน้ำนานสองนาน เสียงร้องสลับกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ ฟังแล้วเหมือนเพลงบรรเลงจากศิลปินกลางป่าใหญ่ โดยมีแมลง เสียงลมและใบไม้เป็นลูกคู่ เสียงเพลงจากป่าพาให้เราเคลิ้มไปพักใหญ่ บางครั้งถึงกับแอบยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว

การเข้าไปดูนกที่บ่อน้ำนก จำเป็นต้องขออนุญาตและจองคิวจากเจ้าหน้าที่เขตฯ ภูเขียวก่อน เนื่องจากการดูนกจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว เพื่อไม่เป็นการรบกวนนกจนเกินไป

เดินเท้าเข้าป่า ศึกษาธรรมชาติ
การเดินป่าศึกษาธรรมชาติเป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อมาถึงภูเขียว ตลอดเส้นทางที่ลัดเลาะเข้าไปในป่า จะได้สัมผัสกับพืชพรรณนาๆ ชนิด ต้นไม้น้อยใหญ่แผ่กิ่งก้านปกคลุมพื้นดินเบื้องล่าง ทำให้ความชุ่มชื้นของดินและผืนป่ามีมาก ช่วงหน้าฝนเช่นนี้อาจพบกับทากดูดเลือด ที่คอยจ้องดีดตัวเข้าเกาะแข้งขา ทำให้นักเดินป่าต้องบริจาคเลือดให้กับทากเหล่านี้ไปตามๆ กัน

ระยะทางราวๆ 2 กม. ผ่านป่าดิบ สู่ทุ่งหญ้า ผ่านอ่างเก็บน้ำ จนถึงโป่งเทียมที่มีรอยเท้าสัตว์ป่าหลากหลาย เสียงนกร้องไม่ขาดระยะ สายลมเย็นปะทะหน้ายามที่เหงื่อไหล่ชุ่มให้ความสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก กลิ่นดิน กลิ่นหญ้าที่ลอยมากับลม จนแอบคิดว่าหากป่าหมดไป เราจะหาความสุขอันเรียบง่ายแต่ล้นปรี่แบบนี้ได้จากที่ใดอีก

ที่ภูเขียวกินง่ายอยู่ง่าย แต่ประทับใจหลาย
สำหรับคนที่ต้องการจะพักแรมที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จะต้องทำหนังสือถึงสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ล่วงหน้า 5 – 15 วัน (ดูข้อมูลการขออนุญาตได้ที่นี่) เพื่อที่ทางเขตรักษาพันธุ์ฯ จะได้จัดพื้นที่ และห้องพักไว้ล่วงหน้า แต่สำหรับคนที่ชอบแคมป์ปิ้ง ที่นี่ก็สามารถกางเต็นท์ได้เช่นกััน แคมปิ้งในป่า ฝนตกพรำๆ อากาศเย็นสบาย มันเป็นอะไรที่สุดยอดไปเลยนะ..ว่าไหม

นอกจากสามารถนอนพักแรมได้แล้ว ภายในเขตรักษาพันธุ์ฯ ยังมีร้านอาหารสวัสดิการไว้คอยบริการสำหรับคนที่ไม่ถนัดจะทำอาหารทานเอง และต้องแอบกระซิบไว้ว่า รสชาติอาหารฝีมือแม่ครัวภูเขียว อร่อย…จนต้องสั่งเพิ่ม เลยนะ

จากการพักแรมที่ภูเขียวหลายคืน ยังทำให้พวกเราค้นพบร้านก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดที่ซ่อนตัวอยู่กลางดงสน ทางเดินเข้ามาทำพวกเราใจไม่ดีว่าจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่จริงๆ หรือ

ในร้านมีโต๊ะไม้ขนาดปานกลางหนึ่งตัวสำหรับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคือเจ้าหน้าที่ในเขตรักษาพันธุ์ฯ ที่แวะเวียนมาอุดหนุนกันเอง ใครที่ทานข้าวไปหลายมื้อ ลองเปลี่ยนเมนูมาทานก๋วยเตี๋ยวบ้างก็ไม่เสียหาย ใช่ไหมล่ะ

ยามเช้าที่ภูเขียว เหมาะจะดื่มกาแฟเป็นที่สุด อากาศแสนสดชื่น เสียงนกร้องระรัว เหมือนกำลังเปิดวงดนตรีวงใหญ่ให้กับคาเฟ่กลางผืนป่า

คอกาแฟเช่นผมก็ไม่พลาดจะพกอุปกรณ์การชงกาแฟติดไม้ติดมือมาด้วย ช่วงเวลาที่รอน้ำร้อนได้ที่ ก็คือช่วงเวลาสนทนากับเพื่อนรู้ใจ ก่อนบรรจงบดกาแฟให้กลิ่นหอมฟุ้งจนมีคนเอ่ยทัก แน่นอนว่ากาแฟเป็นเครื่องมือชั้นดีสำหรับวงสนทนา เพราะกาแฟนั้นใช้เวลาในการชง ใช้ความนุ่มนวล ประณีต เพื่อทำให้รสชาติน้ำร้อนสีน้ำตาลเข้มนั้นมีคุณค่า

ว่ากันว่าการจิบกาแฟนั้นคือศิลปะ มีกาแฟดี แต่ไม่มีมีบรรยากาศ กาแฟแก้วนั้นก็เปล่าประโยชน์ มีบรรยากาศหลักล้านแต่กาแฟไม่ถูกปาก ก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นเมื่อบรรยากาศเอื้ออำนวยเช่นนี้ การมีกาแฟดี และสหายร่วมทริป ก็คือความกลมกล่อมลงตัวที่เข้ากันดีเหลือเกิน

หนึ่งสิ่งที่ป่าสอนให้ผมรู้จัก คือความเคารพต่อสรรพสิ่ง เมื่อเราเดินทางเข้าสู่ป่า ป่าเป็นเจ้าบ้านผู้ต้อนรับอย่างมีอัธยาศัย เราเป็นแขกผู้มาเยือนก็คงต้องตอบรับไมตรีของเจ้าบ้านด้วยความเคารพ หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วอะไรคือการปฏิบัติต่อผืนป่าด้วยการเคารพกันเล่า… สำหรับผมแล้ว คงจะเป็นเช่นเดียวกับการปฏิบัติต่อคนที่เราเคารพนั่นแหละ เราคงจะไม่ทำให้ป่าต้องแปดเปื้อน เราคงไม่ทำสิ่งร้ายๆ จนทำให้ป่าถูกทำลาย และเราคงจะช่วยเป็นปากเสียงให้ป่า และสัตว์ป่า เพื่อสร้างความเข้าใจ เคารพ และให้เกียรติป่า เพื่อให้ผืนป่านี้คงอยู่ไปกับเรานานๆ

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว
ที่ตั้ง อ. คอนสาร จ. ชัยภูมิ

Share