สินค้าแนะนำ

ต้นไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดอุดรธานี

ต้นไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดอุดรธานี

รัง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Shorea siamensis ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ เปา เปาดอกแดง (ภาคเหนือ), รัง (ภาคกลาง), เรียง เรียงพนม (เขมร-สุรินทร์), ลักป้าว (ละว้า-เชียงใหม่),  ฮัง (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้นรัง จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงขนาดกลาง กิ่งก้านมักคดงอ เรือนยอดเป็นพุ่มโปร่ง ต้นมีความสูงได้ประมาณ 10-25 เมตร เปลือกต้นเป็นสีเทาหรือสีนํ้าตาลอมเทา มีความแข็งและหนามาก แตกเป็นร่องลึกตามยาวของลำต้น เปลือกต้นด้านในเป็นสีแดงออกนํ้าตาล มีนํ้ายางสีเหลืองอ่อนถึงสีนํ้าตาล ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด (เด็ดปีกก่อนนำเมล็ดไปเพาะ) มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย พม่า ลาว เขมร และเวียดนาม ในประเทศไทยพบต้นรังได้มากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพบขึ้นอยู่ในภาคอื่น ๆ ด้วย ยกเว้นในภาคใต้ โดยมักขึ้นตามป่าเต็งรัง
ใบรัง : ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กว้างถึงรูปขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลมหรือมน โคนใบเป็นรูปหัวใจ ส่วนขอบใบเรียบ ขอบเป็นคลื่นขึ้นลง แผ่นใบเรียบเกลี้ยง เนื้อใบบาง แผ่นใบด้านล่างมีขนขึ้นประปราย เส้นแขนงใบมีข้างละ 10-16 เส้น ก้านใบเกลี้ยง มีหูใบรูปไข่แกมรูปเคียว หลุดร่วงได้ง่าย ใบอ่อนแตกใหม่เป็นสีนํ้าตาลแดง

ดอกรัง : ออกดอกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนง ยาวได้ถึง 15 ซม. โดยจะออกตามซอกใบเหนือรอยแผลใบหรือออกที่ปลายกิ่ง ดอกตูมมีลักษณะเป็นรูปไข่หรือรูปรีขนาดใหญ่ ดอกย่อยเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ มีกลุ่มละ 5-20 ดอก มี 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่ ปลายบิดเป็นเกลียวคล้ายกังหัน ปลายกลีบโค้งไปด้านหลัง โคนกลีบเชื่อมกัน มีกลิ่นหอม ดอกหลุดร่วงได้ง่าย ส่วนกลีบเลี้ยงมีลักษณะเป็นรูปไข่แกมรูปใบหอกกว้าง มีอยู่ 5 กลีบ ปลายกลีบเลี้ยงเรียวแหลม โคนเชื่อมติดกัน ผิวด้านนอกมีขน กลีบดอกเป็นไข่หรือรูปรีกว้าง ปลายกลีบแหลม ผิวด้านนอกเกลี้ยงหรือมีขนขึ้นประปราย ด้านดอกย่อยมีผิวเกลี้ยง เป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศ มีเกสรเพศผู้ 15 อัน แบ่งเป็นชั้นใน 5 อัน และชั้นนอก 10 อัน ก้านชูอับเรณูเป็นรูปแถบกว้าง อับเรณูเป็นรูปแถบ ที่ปลายมีรยางค์แหลม รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่เกลี้ยง มีอยู่ 3 ช่อง ในแต่ละช่องจะมีออวุล 2 เม็ด ส่วนก้านเกสรเพศเมียเป็นรูปเส้นด้าย ยอดเกสรเพศเมียเป็นพู 3 พู

ผล : ผลรัง ผลเป็นแบบผลผนังชั้นในแข็ง ลักษณะเป็นรูปไข่ มีปีกที่พัฒนามาจากกลีบเลี้ยง 5 ปีก ลักษณะเป็นรูปช้อน มีเส้นตามยาวชัดเจน แบ่งเป็นปีกยาว 3 ปีก ปลายป้านเป็นรูปใบพาย และปีกสั้นอีก 2 ปีก มีมีเส้นตามยาวของปีกตั้งแต่ 7 เส้นขึ้นไป ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด จะออกดอกและเป็นผลในช่วงระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน เมื่อออกดอกหลังใบร่วงแล้วจะพร้อมแตกใบใหม่

การใช้ประโยชน์
ชันยางจากต้นรังใช้ผสมกับนํ้ามันทาไม้หรือนํ้ามันยาง ใช้สำหรับยาแนวเรือ ภาชนะที่ทำจากไม้ไผ่ หรือเครื่องจักสานต่าง ๆ
ประโยชน์หลักของต้นรังที่คนไทยรู้จักแพร่หลายมาตั้งแต่อดีตคือการนำไม้มาใช้ในงานการก่อสร้างบ้านเรือน เพราะไม้รังเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความแข็งแรงทนทานเป็นอันดับหนึ่งคู่กับไม้เต็ง จึงเหมาะสำหรับการนำไปใช้ในการก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรงทนทานมากเป็นพิเศษ เพราะไม้รังสามารถรับนํ้าหนักมาก ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่น คาน เสา รอด ตง พื้น พื้นชานเรือนที่อยู่กลางแจ้ง สะพาน ไม้หมอนรถไฟ เรือ ส่วนประกอบของยานพาหนะ เครื่องมือกสิกรรมต่าง ๆ

สรรพคุณทางยา
ใบ : ชาวไทใหญ่ทางภาคเหนือของไทยจะใช้ใบรังนำมาต้มกับนํ้าอาบเป็นยาแก้อาการวิงเวียนศีรษะ และใช้ใบนำมาตำพอกรักษาแผลพุพอง
เปลือกสด : เป็นยาสมุนไพร แก้อาการปวดท้อ ท้องร่วงเฉียบพลับ ท้องอืดท้องเฟ้อใช้เป็นยาระบายขับลม
เปลือกแห้ง : ทำเป็นเชื้อเพลิงได้ ควัน ระคายเคืองดวงตา

ผู้นำเสนอ

หมี ปาฏิหารย์

Share

Written by: